บทความน่ารู้
22 กันยายน 2565
ลิปสติก คืออะไร
ต้องบอกได้เลยว่าลิปสติกคือเครื่องสำอางชิ้นแรกๆที่ผู้หญิงหลายคนนึกถึง เพราะประโยชน์ของลิปสติกคือช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับปาก ช่วยปกป้องผิวบริเวณริมฝีปาก ทำให้ปากมีสีสันสะดุดตา เพิ่มความสวยงามให้กับผู้หญิงอย่างเราๆได้อย่างมากมาย และในปัจจุบันลิปสติกและลิปเนื้อแมทก็ถูกผลิตขึ้นมาอย่างแพร่หลาย มีทั้งแบบจุ่ม มีทั้งแบบแท่ง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นลิปสติกแบบไหน ผู้หญิงอย่างเราก็ล้วนแล้วแต่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลิปสติกเมทัลลิค ลิปที่มีความทันสมัยมากและให้ความสวยงามกับริมฝีปากได้ดีมากๆ
ลิปสติกทำมาจากอะไร ทำให้ลิปสติกออกมาดูสวย งดงาม
1.แว็กซ์หรือไขแข็ง (Wax)
ไข หรือ Wax ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตลิปสติก มีหน้าที่ในการช่วยให้ลิปสติกแข็งตัวในรูปแบบแท่ง ซึ่งไขนี้ก็ได้มาจากพืช สัตว์และธรรมชาติ ยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
- ไขคาร์นอบาร์ (Carnauba wax) เป็นไขที่ได้มาจากพืชตระกูลปาล์ม ที่มักจะขึ้นอยู่ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล สำหรับไขคาร์นอบาร์ เป็นไขที่ได้จากพืชที่แข็งที่สุด จึงมีการนำมาใช้ในกระบวนการผลิตลิปสติก เพื่อช่วยเพิ่มความคงตัวให้กับลิปสติก ไม่ให้อ่อนง่ายแม้อยู่ในอุณหภูมิที่สูง นอกจากนี้ไขคาร์นอบาร์ยังมีความสามารถในการรักษาความชุ่มชื้น อีกทั้งยังเป็นสารเคลือบเงาได้อีกด้วย
- ไขแคนเดลิลลา (Candelilla wax) เป็นไขที่ได้มาจากต้นแคนเดลิลลา ซึ่งเป็นพืชที่ขึ้นอยู่ในแถบประเทศเม็กซิโกและอเมริกา ไขชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่ละลายในน้ำ ละลายในตัวทำละลายอินทรีย์ จึงมีการนำไขชนิดนี้มาใช้ผลิตลิปสติก เพราะคุณสมบัติที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของไขชนิดนี้คือช่วยเพิ่มความเงางาม
- ไขขี้ผึ้ง (Bees wax) เป็นไขที่สกัดได้จากน้ำผึ้งบริเวณท้องน้อยของผึ้ง มีคุณสมบัติคือเป็นของแข็งเนื้ออ่อนนุ่มที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เป็นใครที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ นิยมนำมาผสมกับไขชนิดอื่นๆในการทำลิปสติก เพื่อให้ลิปสติกมีความคงตัวเป็นแท่ง
- ไขจากแร่ธาตุ (Mineral wax) ไขชนิดนี้สกัดได้จากแร่ธาตุโดยตรง ที่พบเห็นได้บ่อยคือ ไขไมโครคริสตัลไลน์ มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำมัน ช่วยป้องกันการแยกตัวของน้ำมัน จึงนิยมนำมาทำเป็นลิปสติก เช่น ลิปปาล์ม เป็นต้น
2.น้ำมัน (Oil)
น้ำมันหรือ Oil คือส่วนผสมอีกหนึ่งอย่างในการทำลิปเมทัลลิค มีหน้าที่ในการรวมเอาส่วนผสมต่างๆเช่น wax สี และส่วนผสมอื่นๆเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ยังทำให้เนื้อลิปสติกที่ได้ออกมามีความอ่อนนุ่ม อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ช่วยลดการแตกแห้งและการเป็นขุย สำหรับน้ำมันที่ถูกนำมาใช้ในการทำลิปสติกจะมีดังต่อไปนี้
- น้ำมันโจโจ้บาร์ออยล์ เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของต้นโจโจ้บาร์ มีสรรพคุณในการช่วยลดเลือนริ้วรอย บำรุงผิวพรรณ กักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันการแตกของริมฝีปาก เป็นน้ำมันที่สามารถดึงคุณภาพและประโยชน์ของลิปสติกออกมาได้มากที่สุด
- น้ำมันลาโนลิน เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากน้ำมันบนขนแกะ เป็นไขมันบริสุทธิ์ที่ซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่าย ไม่ทำให้เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง
- น้ำมันจากเมล็ดองุ่น เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดองุ่น มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติในการบำรุงริมฝีปาก ให้มีความเนียนนุ่มชุ่มชื้นอยู่ตลอด
- น้ำมันจากอะโวคาโด เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเนื้อของอะโวคาโด มีคุณสมบัติในการซึมสู่ผิวหนัง อีกทั้งยังเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เพราะน้ำมันชนิดนี้มีวิตามินอี กรดโอเลอิก และไลโนเลอิก
- น้ำมันจากเมล็ดแมคคาเดเมีย เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของต้นแมคคาเดเมีย อุดมไปด้วยกรดต่างๆไม่ว่าจะเป็น กรดไลโนเลอิก กรดโอเลอิก กรดปาลมิโตเลอิก จึงมีสรรพคุณในการบำรุงริมฝีปากให้มีความนุ่มลื่น
- น้ำมันแคสเตอร์ หลายคนจะรู้จักดีในชื่อของน้ำมันละหุ่ง น้ำมันชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยทำให้เนื้อลิปสติกเกาะตัวกัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการเพิ่มความนุ่มนวลให้กับริมฝีปากอีกด้วย
3.สีสังเคราะห์
สีสังเคราะห์ที่ถูกนำมาในการผลิตลิปสติก เป็นสีสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับสีผสมอาหาร ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยสีสังเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากธรรมชาติ เช่น บีทรูทและทับทิม ซึ่งเป็นผักและผลไม้ นอกจากนี้ยังได้มาจากดอกไม้ เช่น ดอกอัญชัน ดอกอัลคาเนต ดอกดาวเรืองฝรั่ง ไม่เพียงเท่านั้นสีสังเคราะห์ยังได้มาจากแมลงและสัตว์ เช่นแมลงปีกแข็ง ปลา เป็นต้น
ประโยชน์ของลิปสติก มีอะไรบ้าง
-
ตกแต่งริมฝีปากให้มีความสวยงาม เพราะปากถือเป็นความงามอย่างหนึ่งบนใบหน้า จึงต้องมีการตกแต่งให้สวยงาม ซึ่งในปัจจุบันลิปสติกมีมากมายหลากหลายสี หลากหลายแบบ ทำให้ผู้หญิงสามารถเลือกสีที่ชอบเพื่อบ่งบอกตัวตนของตัวเองได้
-
ช่วยกลบริมฝีปากที่หมองคล้ำ เพราะลิปสติกจะช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากหมองคล้ำ ดูไม่มีชีวิตชีวา ให้มีความสวยงามน่าหลงใหล ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้
-
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากไม่แห้ง ดูมีน้ำมีนวล ซึ่งในปัจจุบันก็มีลิปสติกหลายยี่ห้อที่ไม่ต้องทาซ้ำ ทาครั้งเดียวก็ได้ความชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน
-
ใช้แทนอายแชโดว์ได้ เป็นประโยชน์ของลิปสติกที่ผู้หญิงอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่นิยมใช้แค่ทาปาก แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์อีกหนึ่งอย่างของลิปสติกคือใช้แทนอายแชโดว์เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตา
-
ใช้แทนบลัชออนได้ ถ้าหากว่าสาวๆคนไหนอยากจะได้สีบลัชออนใหม่ๆ ลิปสติกคือหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถใช้แทนได้ การใช้ลิปสติกแทนบลัชออนก็เพียงแค่แต้มบางๆที่บริเวณแก้ม หลังจากนั้นก็เกลี่ยให้ทั่วๆ เพียงเท่านี้ใบหน้าของสาวๆก็จะสวยงามแล้ว
ทำไมสาวๆ นิยมใช้ลิปสติกกัน และไม่ใช่เพียงแค่สีเดียวเท่านั้น
ความนิยมในการใช้ลิปสติกในหมู่สาวๆนับวันยิ่งจะสูงขึ้น เพราะลิปสติกและลิปแมท มีคุณสมบัติในการเพิ่มความสวยงามให้ริมฝีปากของสาวๆ ทำให้ผู้คนหลงใหล ยิ่งถ้าสาวๆคนไหนมีริมฝีปากที่สวยงาม มีความชุ่มชื้น ไม่เหี่ยวแห้ง ยิ่งจะทำให้ผู้คนหลงใหลอีกครั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ดังนั้นสาวๆจึงมีการแต่งแต้มความสวยงามให้ริมฝีปากด้วยลิปเมทัลลิคอยู่เป็นประจำ และเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปจากแบบเดิมๆ สาวๆมีการเปลี่ยนแปลงสีลิป ไปใช้เฉดสีใหม่ๆ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนลุคเปลี่ยนสไตล์ให้มีความสวยงามตามความชอบ แต่ไม่ว่าความชอบจะแตกต่างกันมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วสาวๆก็ต้องการความสวยงามในแบบเป็นธรรมชาติที่สุด ดังนั้นสาวๆจึงมีการตามหาลิปสติกที่ตอบโจทย์ความต้องการ ซึ่งในปัจจุบันลิปสติกก็มีมากมายหลากหลายประเภท มีทั้งแบบทาเฉยๆและแบบบำรุง โดยในส่วนของลิปสติกบำรุงจะมีการเพิ่มส่วนผสมที่ดีต่อผิวปากเข้าไปในเนื้อลิปสติก เช่น ว่านหางจระเข้ โจโจ้บาร์ออยล์ และน้ำมันมะพร้าว เป็นต้น
สำหรับเรื่องประโยชน์ของลิปสติก ทาง Medent Thailand ขอบอกเลยว่าลิปสติกคือเครื่องสำอางที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้กับผู้หญิง เพราะผู้หญิงกับความสวยงามและเครื่องสำอางเป็นของคู่กัน ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมีลิปสติกติดตัวกันแทบทุกคน สำหรับเหตุผลที่ต้องมีลิปสติกติดตัวเอาไว้ ก็เพื่อใช้ในการเติมแต่งริมฝีปากและใบหน้าให้มีความสวยงาม ส่วนใครที่ต้องการลิปสติกดีๆไว้ใช้งาน ทาง Medent Thailand มีลิปสติกให้ท่านได้เลือกซื้อมากมาย และถ้าใครที่สนใจสินค้าต่างๆของ Medent สามารถหาซื้อได้หลากหลายช่องทาง โดยสามารถเข้าไปที่ MedentThailand หรือ Shopee ฯลฯ และสามารถเช็คสาขาที่มีขายได้แล้วที่นี่ คลิกเช็คเลย